Featured

11 เหตุผลที่เราเลือกมาล่องเรือ

เขียนโดย Tanya Journey การเดินทางของทันทัน (เมษยายน 2564, โครเอเชีย)

สวัสดีจากเสาเรือ

เราเป็นอีกคนที่ไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวแบบ long holiday เหมือนหลายๆ คน เพราะด้วยกับเงินเก็บ และการงานของเราแล้ว ทำให้เราได้เที่ยวแบบจำกัด หรือแม้แต่ในขณะที่เราอยู่ในยุโรป แต่ไม่สามารถที่จะไปท่องเที่ยวได้ตามแบบที่ฝันไว้ … มีเวลาได้เที่ยวชมเมืองเพียงเวลาสั้นๆ เวลาที่มีโอกาสได้ไปเปิดเพลงที่เมืองนั้นๆ เท่านั้น หรือถ้าได้ไปเที่ยวจริงๆ ก็ไม่ได้ไปไหนมาก เพราะด้วยงบประมาณ การเดินทาง และเวลา ทำให้ไม่สามารถเที่ยวหลายๆ ที่ หลายเมือง ในระยะเวลาสั้นๆ ได้

คุณจำได้ไหมว่าคุณไปเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือแบบทุกๆ วัน ได้เปลี่ยนสถานที่ใหม่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน กับบรรยากาศที่สวยงาม น้ำทะเลที่ใส และไปจอดที่เกาะหลายเกาะแบบที่ไม่ได้คาดฝัน … เชื่อว่า คงไม่เยอะ หรือ แทบไม่มีเลย

ฉะนั้น นี่คือเหตุผลที่ว่า การล่องเรือ คือ การท่องเที่ยวอีกแบบที่คุณควรลอง เป็นการพักผ่อนอีกแบบที่ทันย่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณสามารถจองทริปมาล่องเรือ หรือ ใช้ชีวิตบนเรือแบบนี้ และนี่ก็คือ 10 เหตุผลที่ว่า ทำไมการล่องเรือ คือ สิ่งที่คุณควรลอง และ ควรทำ

  1. วิวที่สวยในยามเช้า / พระอาทิตย์ตกดิน

ตั้งแต่ที่เราได้มาใช้ชีวิตล่องเรือ เราเข้านอนเร็วมาก แบบว่าหกโมงเย็นเราก็เข้านอนแล้ว และนี่ก็ทำให้เราตื่นเช้ามาก ทำให้เกือบทุกเช้าเราตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นเฉิดฉายในยามเช้า และแสงแดดอุ่นๆ ถ้ามีพระเดินหรือพายเรือบิณฑบาตด้วยก็คงได้ใส่บาตรพระ พอตกเย็นมาก็จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ ราวกับได้นั่งมองท้องฟ้าที่บ้านเกิดเมืองนอน ยิ่งขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แล้วมองออกไปที่ขอบน้ำทะเลที่ชิดขอบฟ้า และภูเขา แม่น้ำ ประกอบกับแสง และสีที่สวยของท้องฟ้า ทำให้เรารู้สึกดี และก็คิดถึงภูเก็ตหรือชัยภูมิที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน

2. ตัดโลกภายนอกที่วุ่นวาย ใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็น

เมื่อไหร่ที่เรือออกเดินทางจากท่าเรือ หรือ มารีน่าจอดเรือ เมื่อนั้นเราจะไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือพูดง่ายๆ ว่าไฟที่เราใช้ตามบ้าน 220 โวลท์ เราจะไม่มีใช้ เราจะใช้ไฟได้เหมือนกับการชาร์จบนรถยนต์ ที่มีไฟแค่ 12 โวลท์เท่านั้น มากไปกว่านั้นไม่มี WiFi บนเรือ เรามีเน็ตให้ใช้แค่เพียง 10GB เท่านั้น ที่มีมาใน Data package ทำให้เราเริ่มห่างจากโทรศัพท์มือถือมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่เราเองก็เริ่มห่างจากสังคมและเพื่อนๆ ไปด้วย ติดต่อกันน้อยลง หรือแทบจะไม่ได้ติดต่อใครเลย  

3. เรียนรู้ความสามารถใหม่ๆ

เราขับรถยนต์ไม่เป็น… อย่าเพิ่งหัวเราะเรานะ … เพราะคุณกำลังไม่เข้าใจล่ะสิว่า มาล่องเรือเกี่ยวอะไรกับขับรถไม่เป็น … เพราะการได้หัดขับเรือ ก็เหมือนกับเราได้หัดขับรถนั่นเอง แต่อาจจะยากกว่า เพราะด้วยทิศทางของเรือ ลม และแรงดันในน้ำ …

อ่ะ มาเข้าเรื่องกันนะคะ ที่บอกว่าการมาล่องเรือได้เรียนรู้ หรือ ได้รับความรู้ ความสามารถใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหัดขับเรือ หรือสิ่งต่างๆ พื้นฐานเกี่ยวกับเรือ ที่เราไม่เคยทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานของเรือที่ในบางมุมก็แทบจะคล้ายกับเครื่องบิน มี Auto pilot หรือ MOB (Man  มีหน้าความแรง และทิศทางของลม การเดินเรือคู่กับทิศทางของลม หรือแม้แต่เรื่องที่เราคิดว่าง่าย แต่จริงๆ ก็ไม่ง่าย นั่นก็คือการผูกเชือกในแบบต่างๆ นั่นเอง กัปตัน (แทบทุกคน) จะสอน crew หรือลูกเรือสำหรับเทคนิคพื้นฐานที่เหล่านี้ ทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะล่องเรือ หรือ ขับเรือ ไม่มากก็น้อย เพื่อที่จะได้มีเรื่องราวบอกเล่าต่อเพื่อนๆ ของคุณ ว่าอย่างน้อยวันหนึ่ง คุณเคยขับเรือ หรือ คุณเองก็สามารถขับเรือได้

4. กลับไปที่จุดเริ่มต้น

เมื่อเรามาลองใช้ชีวิตการล่องเรือ หรือใช้ชีวิตบนเรือ เราลืมแทบทุกอย่างที่อยู่ข้างหลัง ทุกอย่างที่ว่านี้ก็คือ สิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรายุ่งยาก และความกังวลต่างๆ ในชีวิตของเราในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนการล่องเรือ เราลืมมัน หรือ ทิ้งมันไว้ข้างหลัง เราได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดา ที่ในแต่ละวันเราได้ใส่ชุดว่ายน้ำ มีแสงแดด และน้ำทะเลที่สาดใส่คุณในขณะที่คุณนอนอาบแดด (ยกเว้นช่วงแรกๆ ที่มา ที่สภาพอากาศย่ำแย่มาก เกิดพายุลมบูร่าแทบทุกวัน และ หนาวมากด้วย) อย่างที่หลายคนทราบ หรือ อาจจะรู้อยู่แล้ว ว่าเราเคยได้ไปใช้ชีวิตกับปู่ที่บ้านนอก และเราก็ชอบชีวิตแบบนั้นมาก การมาล่องเรือ ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะยินดีกับสิ่งที่ได้ และยอมรับกับสิ่งที่มี ถ้าไม่มีก็ไม่หาเพิ่ม และนี่ก็คือความสุขแบบที่คุณไม่ต้องแสวงหา และชีวิตแบบนี้ก็จะทำให้คุณทุกอย่างที่คุณจะลืมความวุ่นวาย เมื่อคุณเดินออกจากมันมา

5. ได้เที่ยวที่ใหม่ๆ ในระยะเวลาสั้นๆ  

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการล่องเรือ ก็คือ มันจะไม่น่าเบื่อ และจะไม่มีอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ค่ะ เพราะเราได้เดินทางไปสถานที่ใหม่ๆ หรือเกาะใหม่ๆ แทบทุกวัน หรือเรียกได้ว่าเปลี่ยนที่พักแทบจะทุกคืน การล่องเรือก็เหมือนกับ road trip “ค่ำไหน นอนนั่น” การล่องเรือ หรือ ใช้ชีวิตบนเรือ เป็นการท่องเที่ยวแต่แตกต่างจากการไปเที่ยวพักผ่อนแบบปกติที่เราเคยทำมาก  เพราะการล่องเรือคือการค้นหาสถานที่ใหม่ๆ ที่จะไป การล่องเรือเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ ทำให้เราได้เรียนรู้และได้เห็นอะไรมากเลย ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการผจญภัยที่ยาวนานมาก และนี่คือเหตุผลที่ว่า การล่องเรือหรือการใช้ชีวิตบน มันจะทำให้คุณ “รวย” ที่ไม่ใช่การรวยเงินทอง แต่เป็นการรวยความสุข และ เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หลายคนรอบตัวคุณอาจจะไม่มี

6. พบเจอผู้คนใหม่ๆ

การมาใช้ชีวิตล่องเรือ สำหรับเราตอนแรกคือไม่ใช่เลย ไม่เคยคิดอยากจะทำ เพราะคิดว่าเราเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก คงจะปรับตัวยากที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนหลายคนเป็นเวลานานๆ และเราก็ไม่อยากจะอยู่แบบไม่มีรายได้เข้ามาด้วย แต่แล้วในจุด ๆ หนึ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนความคิดของเราค่ะ คือ การมาล่องเรือจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ ที่ทำให้เราได้เปิดใจ เปิดโลกกว้าง ได้เที่ยวในสถานที่ หลายประเทศ และเป็นการท้าทายตัวเอง และเปลี่ยนตัวเองในหลายๆ เรื่อง และ หลายอย่าง และมันก็จริงค่ะ เราสามารถพูดได้เลยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่การผจญภัยของเราสิ้นสุดลง เราจะมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นแบบที่เราเองก็ไม่คาดฝันมาก่อน และมากไปกว่านั้น การเดินทางไปต่างถิ่น ต่างเมือง ทำให้เราได้มีเพื่อนที่เป็นคนพื้นที่เพิ่มขึ้น คนที่จะคอยบอกเล่าเรื่องราว วัฒนธรรม และอาหารได้ดีที่สุด ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็อยู่ที่คุณ ว่าคุณจะยินดีรับมันหรือไม่

7. ได้กลับไปติดต่อกับเพื่อนสนิทของคุณอีก

การมาล่องเรือ อย่างหนึ่งที่ทำให้คุณห่างหาย ก็คือ เพื่อนสนิท ที่เมื่อก่อนคุณอาจจะได้พบเจอกันบ่อยมาก เพราะอยู่ใกล้กัน หรือ นัดเจอกันทุกๆ วีคเอ็น แต่การมาล่องเรือจะทำให้คุณรู้ว่า ถ้าเพื่อนบางคนคิดถึงคุณ เขาจะยังคอยติดต่อ และทักทายหาคุณบ้าง และในขณะเดียวกัน การห่างหายของคุณ จะทำให้รู้ว่า ใครที่รอการกลับไปของคุณอยู่บ้าง หรือ บางทีคุณอาจจะได้เพื่อนสนิท

8. ลืมความวุ่นวาย และ มีความสุขกับความธรรมดา

การล่องเรือเป็นการออกห่างจากชีวิตวุ่นวายที่ดีเลยทีเดียว การล่องเรือเป็นการชาร์จแบตชีวิตที่ดีมากๆ สำหรับเรา และการมาใช้ชีวิตบนเรือของเราครั้งนี้ ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะรู้สึกมีชีวิตที่ดีขึ้นทางด้านความสุขภายในใจหลังจากที่กลับไปใช้ชีวิตปกติค่ะ

9. ทำอย่างที่คุณไม่เคยทำมันมาก่อน

หลายคนคงทราบว่าเราทำช่อง youtube ด้วย และเขียน Blog ในเว็บไซต์ส่วนตัวด้วย แต่เราก็ไม่ได้ทำมันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความที่ตอนที่อยู่เดนมาร์ก เราทั้งทำงาน ทั้งเรียน และมีความเครียดสะสม ทำให้เราไม่สามารถที่จะตัดต่อวิดีโอเก่าๆ ได้ และไม่สามารถมีสมาธิในการเขียนเว็บได้ และเราเป็นคนชอบหนังสือ แต่ก็ไม่มีเวลาได้อ่านเลย แต่การได้มาล่องเรือครั้งนี้ ทำให้เรามีเวลาให้กับสิ่งนี้มากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดีโอ หรือ แม้แต่การอ่านหนังสือเล่มใหม่ของเราจนจบ ทำอะไรก็ได้ที่เราไม่เคยลองทำมันมาก่อน และเราเองก็รู้สึกดีกับมันมากๆ หลังจากที่เราทำมันสำเร็จ

10. ได้รูปและวิดีโอที่โคตรเจ๋ง

การมาล่องเรือ ทำให้เราได้มีรูปภาพ และวิดีโอที่สวยงามมากมาย ทำให้หลายๆ คนติดต่อเพื่ออยากจะมาลองมาใช้ชีวิตแบบเรา หลายคนอยากจะหลีกหนีความวุ่นวายของชีวิต มาใช้ชีวิตแบบสงบเหมือนที่เรากำลังทำ เราเชื่อว่าทั้งภาพและวิดีโอต่างๆ ที่เราได้อัพโหลดลงในโซเชียลมีเดียทำให้เพื่อนๆ หรือ ครอบครัวของคุณอิจฉากับสิ่งที่เราได้ทำในตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงฉากชีวิต ไม่ใช่แค่ดีกับตัวเรา แต่มันยังดีต่อความคิดของเราด้วย

11. ความทรงจำที่ดีไปตลอดกาล

ท้ายที่สุดนี้ ถ้าเหตุผลที่ทันย่าเขียนมาทั้งหมด เกี่ยวกับทำไมทันย่าถึงตัดสินใจมาล่องเรือ ยังดึงดูดความรู้สึกของคุณได้ไม่มากนัก ถ้าอย่างงั้น นี่เป็นอีกข้อหนึ่ง ที่คุณอยากจะมาลองล่องเรือ หรือมาลองใช้ชีวิตบนเรือแบบทันย่าแน่นอนค่ะ

การล่องเรือ หรือการใช้ชีวิตบนเรือเป็นอะไรที่คุณไม่เคยลองมาก่อนใช่ไหม? เราก็เช่นกัน… เชื่อเราเถอะ ว่าวันหนึ่งที่คุณลองมาใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพราะคุณรู้จักตัวคุณมากขึ้นในขณะที่มาล่องเรือ แต่คุณได้เรียนรู้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆ และได้พบปะผู้คน มากหน้า หลายตาจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะสังคมคนชอบล่องเรือหรือใช้ชีวิตบนเรือแบบ long-term liveaboard ทุกอย่างทั้งหมดนี้ จะเป็นความทรงจำที่แสนมีค่า และเราขอบอกไว้เลยว่า “เมื่อคุณได้ลองมาล่องเรือหนึ่งครั้ง … คุณจะพยายามกลับไปล่องเรืออีกแน่นอน!” หรือแม้แต่อยากจะไปลงคอร์สเรียนล่องเรือจริงจัง เพื่อที่จะซื้อเรือเป็นของตัวเองในอนาคต … เหมือนที่ทันย่าคิดค่ะ

Featured

Travel during the coronavirus pandemic | บินในช่วงโคโรน่า

แสงสาดส่องยามเย็น ณ สนามบินโคเปนเฮเกน

วันนี้เป็นหนึ่งวันก่อนบินออกจากเดนมาร์กจริง

ก่อนหน้าที่เราจะบินจริงนั้น … เราค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการออกจากเดนมาร์กเยอะมาก
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเราเองด้วย ที่เกี่ยวกับการเดินทางออกเดนมาร์กได้สูงสุดกี่เดือน

เพราะเราเองเข้าใจในเรื่องของใบอยู่ของเรามาตลอดว่า …
เราสามารถที่จะออกจากประเทศเดนมาร์กได้สูงสุดเพียง 6 เดือนเท่านั้น

แต่เมื่อเราสอบถามกับทาง ตม. เดนมาร์ก หรือ udlændingstryelsen ก็ได้คำตอบว่า
ตามกฎหมายแล้ว เราอยู่เดนมาร์กเกิน 2 ปี เราสามารถที่จะออกจากเดนมาร์กได้สูงสุดถึง 12 เดือนติดต่อกัน
โดยที่จะไม่มีปัญหากระทบกับใบอยู่ของเราเลย …

เรื่องแรก … จบไป และดีใจมาก

เรื่องต่อมา … เรื่องของการเดินทางในช่วงของโคโรน่าไวรัส
ซึ่งเกือบทุกประเทศทั่วโลกตอนนี้ เป็นโซนแดง หรือโซนอันตรายนั่นเอง เราเองก็ไม่แน่ใจว่าจะยังไง

ตอนแรกจองตั๋วกับสายการบินหนึ่ง แล้วก็ถูกยกเลิกในเวลาต่อมา …

เราจึงจองตั๋วใหม่กับ KLM Royal Dutch Airlines และสิ่งที่เราจะต้องใช้นั่นก็คือ Antigen test (Quick test) สำหรับบินเข้าสนามบิน Amsterdam ที่มีผลก่อนบิน 4-6 ชั่วโมง ค่าตรวจคือ 450kr. และ PCR test สำหรับ Croatia ที่มีผล negative ก่อนบิน 72 ชั่วโมง ซึ่งค่าตรวจอยู่ที่ 1.050kr.

วันนี้ (9 มีนาคม 2021) เวลสห้าโมงเย็นนิดๆ เราก็ไปตรวจ PCR test ที่สนามบินกับ Falck center ซึ่งตรวจผ่านทางจมูก และผลจะส่งไปทางเมล์ภายในเที่ยงคืน …

พอไปถึงก็ดันเกิดปัญหา ไทส์ลืมพกพาสปอร์ต (แต่เรามี แบบบังเอิญ) ถ้าอยากได้ผลภายในเที่ยงคืน จะต้องตรวจก่อน 19:00 น. ซึ่งถ้าให้ขับรถ ไป-กลับ เพื่อเอาพาสล่ะก็ ยังไงก็ไม่ทัน … เราตรวจเสร็จแล้ว ก็เดินคอตกกันกำลังจะกลับ เราเลยบอกไทส์ว่า … “ลองดูในอัลบั้มรูปสิ เผื่อมีรูปสแกนไว้” และมันก็มีจริงๆ ทำให้พวกเราได้ตรวจ PCR test กันทั้งสองคน

จบไปกับวันนี้ ก่อนจะเดินทางจริงจังในวันพรุ่งนี้ต่อไป

Featured

Sailing BATALA | ทิ้งทุกความสบาย เพื่อ (รวย) ความสุข EP.0

การยอมละทิ้งทุกความสบาย เพื่อมาใช้ชีวิตในอีกแบบที่ไม่เคยทำ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ตัดสินใจกันง่ายๆ

ทุกคนเชื่อไหม … ก่อนที่เราจะตัดสินใจทิ้งทุกอย่างมาล่องเรือจริงจัง
เราเองก็บอกตัวเองแหล่ะว่า “การล่องเรือ” ไม่ใช่สำหรับเรา
เราอยากทำงาน เราอยากเก็บเงิน ซื้อที่ทางที่ไทย หรือส่งเงินให้ที่บ้าน ดูแลที่บ้าน
เก็บเงินไว้ไปเที่ยวต่างประเทศ หลายๆ ประเทศ อย่างที่เคยฝันเอาไว้
หรือเก็บเงินไว้ให้ตัวเราเอง ในเวลาที่เราแก่ตัวขึ้นมา

และอยู่ๆ วันหนึ่ง … เราก็คิดขึ้นมาได้ว่า … ทำไมเราต้องคอยหาเงินส่งเงินดูแลความสุขของคนอื่น
ทั้งที่ตัวของเราเองก็ต้องการความสุขเช่นกัน

กว่าจะเก็บเงินได้ มีที่มีทางได้ ก็คงอีกยาวนานเลย
เราเองก็ไม่ได้อยากมีหนี้ มีสิน ไม่อยากอยู่ในจุดที่ต้องไปแข่งขัน
โอ้อวดกับเพื่อน กับญาติพี่น้อง ว่าเราเองก็มีเหมือนกัน

อยู่ๆ เราก็เบื่อสิ่งรอบๆ ตัว
เบื่อการติฉิน นินทาของคนรอบตัว
มนุษย์เราหนีไม่พ้นเรื่องของการถูกนินทา
แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ดี เมื่อต้องไปรับรู้ว่าเราโดนนินทา

เริ่มกลายเป็นคนเบื่อสังคม …​ เบื่ออะไรหลายๆ อย่างรอบตัว …

และภายในสิ้นปีนี้ จะต้องต่อใบอยู่ที่เดนมาร์ก ซึ่งเริ่มมีความกังวลว่ารอบนี้อาจจะไม่ผ่าน
และนี่ก็เป็นเหตุผลและสาเหตุหลักที่ทำให้เราตัดสินใจ…

“ทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาหาอิสระภาพให้ชีวิต”

ถ้าการต่อใบอยู่ไม่ผ่านตามที่ตั้งใจไว้
อย่างน้อยเราก็ได้ท่องเที่ยวไปในหลายๆ เมือง หลายประเทศตามที่เราฝันอยากเที่ยวไว้

ในความคิดหลาย ๆ คน คงจะคิดเหมือนๆ กันว่า …
การล่องเรือ หรือ ใช้ชีวิตในเรือ ต้องเป็นอะไรที่ไม่สุขสบายแน่ๆ

“ใช่ค่ะ” คุณคิดไม่ผิดเลย มันไม่สะดวกสบายอย่างที่คิด
แต่ในขณะเดียวกัน … เรือของเราไม่ใช่เรือตกปลานะทุกคน เรือเราคือเรือยอร์ช หรือ เรือล่องนั่นเอง

ใครอยากรู้ว่าชีวิตในการล่องเรือของเราเป็นยังไง ก็อย่าลืมตามอ่านในตอนต่อๆ ไปนะคะ

Featured

เดินเท้าไกล … ไป Nordvest

A walk tour to Nordvest, Copenhagen, Denmark.

วันนี้ มีธุระที่จะต้องไปทำที่ Borgerservice ทันย่าไม่แน่ใจว่าภาษาไทยคืออะไร
แต่เป็นจุดที่ประชาชนไปใช้บริการในเรื่องของ Passport หรือ หมายเลขกุญแจประจำตัวของประชาชน (Nøgle kort)

ตอนแรกเลย ทันย่าว่าจะนั่งรถบัส หรือ รถไฟไป
ด้วยบรรยากาศจริงๆ แล้วคือเย็นมาก อากาศติด -4 แต่โชคดี บรรยากาศดีมีแดดส่อง ฮ่าๆ

สุดท้ายเราตัดสินใจเดินเท้าออกจากบ้าน เพื่อที่จะไปที่ Borgerservice (Rentemestervej 76) ซึ่งดูจาก Google Map แล้ว
คือ … ใช้เวลาเดินทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที

ขุ่นพระ!!!! ใช่ค่ะ เดิน 1 ชั่วโมง 30 นาที และจะต้องไปถึงที่ Borgerservice เวลา 13:00 น.
ซึ่งตอนนั้น มันคือเวลา 11:30 แล้วน่ะสิ … แต่ไม่เป็นไร เดินค่ะเดิน เพื่อชมนก ชมไม้ ชมเมืองกับเขาบ้าง

Vesterbrogade, Copenhagen, Denmark.

ตึกนี้ไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลยค่ะ ยืนรอไฟแดงอยู่ที่ถนน Vesterbrogade
แล้วตาก็หันไปเห็นมุมตึกดูสวยดี ก็เลยถ่ายไว้แบบ อีก 1 วิน คือ ไฟเขียน

ข้ามถนนเดินต่อไปอีกสักนิด ทันย่าก็มาโผล่ที่ถนน Gamle kongevej และข้ามถนนไปที่แม่น้ำ ที่บอกเลยว่าไม่ว่าจะในช่วงเวลาไหน
คือ แม่น้ำตรงนี้จะสวยมาก และผู้คนชอบมาวิ่งออกกำลังกาย เดินเล่น หรือ hangout ตลอดเลย “Sankt. Jørgens Sø”

โชคดีหน่อย ช่วงอาทิตย์นี้ คืออากาศเย็นยะเยือกจริงๆ ทำให้แม่น้ำเริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง …
(แต่คิดว่า ไม่น่าจะแข็งพอที่มนุษย์จะลงไปเดินบนน้ำแข็งได้ค่ะ แหะๆ)

ผู้คนออกมาเดินเล่น พบปะสังสรรค์ พูดคุยกัน … ต่อให้อากาศจะหนาวเย็น แต่ทุกคนก็ยังยิ้มแบบมีความสุข

บรรยากาศหนาวเย็นในช่วง winter ที่มีแสงแดด
บวกกับธรรมชาติที่เปลี่ยนผันตัวมันกลายเป็นน้ำแข็ง เพิ่มสีสันไปด้วยเป็ดน้ำ นก และหงษ์ที่แผ่ตัวเอง
เดินเล่นบนแผ่นน้ำแข็งกลางแม่น้ำ คือ บรรยากาศที่เห็นแล้วดูสบายตามากๆ ในช่วงนี้

คือจริงๆ เรายืนรอข้ามไฟแดง เพื่อข้ามไปอีกฝั่งถนน ซึ่งส่วนนั้นเองก็เป็นแม่น้ำ Peblinge Sø นั่นเอง
และเป็นช่วงเหมาะเจาะกับหันไปเห็นจักรยาน “Donkey Bike” พอดีเลยทำให้นึกถึงเวลาช่วง summer ที่ผ่านมา เป็นเวลาที่เราเองเพิ่งจะเริ่มปั่นจักรยานออกถนนใหญ่จริงจัง
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันไม่น่ากลัวอะไรเลย กับการปั่นจักรยานออกถนนใหญ่ที่โคเปนฯ

Donkey Bike คือ เป็นจักรยานสาธารณะ ที่ทุกคนสามารถเช่าปั่นได้ง่ายๆ จาก Application ค่ะ
ส่วนตัวทันย่าเอง ก็ชอบเช่าปั่นมากๆ ในช่วงซัมเมอร์ 
เพราะประหยัดเวลามากกว่าการใช้บริการรถสาธารณะมากๆ เลยค่ะ

รถสาธารณะเองก็สะดวกสบายแหล่ะ แต่ก็ใช้เวลานานกว่าปกติ แหะๆ …

โอเค … เรากลับมา ณ จุดเดิม ก่อนที่จะพาทุกคนอ้อมโลกกันนะคะ
มาดูรูปเซ็ทต่อไปกันดีกว่า

จากภาพแรก … อาคาร Søpavillion
อาคารนี้เป็นทั้งร้านอาหาร และ คลับในตอนกลางคืน
ทันย่าเองก็ได้มีโอกาสมาเปิดเพลงที่นี่ครั้งหนึ่ง
ซึ่งถ้าไม่ได้มาเปิดเพลงที่นี่ ก็ไม่รู้เลยว่าข้างในนี้ คือ Night club ฮ่าๆ

เดินมาจนสุดทางแม่น้ำ ตรงสะพาน Dronning Louises Bro ก็เจอกับอาคารนี้
ที่ตอนช่วงซัมเมอร์ เป็นจุดที่คนมาเช่าหงษ์ปั่นในแม่น้ำ
แต่ส่วนตัวแล้ว เรายังไม่เคยลองปั่นหงษ์เลยจริงๆ
อยากจะลองมากๆ แต่ก็ไม่มีเวลา และเพื่อนๆ ก็ว่างไม่ตรงกัน
นี่ก็ผ่านมาหลาย summer แล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำมันเลย … รอรอบหน้าแล้วกันเนอะ !

ดูในรูปที่สองสิ … น้องๆ เปิดน้ำยืนหลับบนน้ำ ที่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งอย่างสวยงาม
นึกสงสัยในใจเหมือนกันนะ ว่า… นี่น้องๆ เขาไม่หนาวฝ่าเท้าเขาบ้างหรือ?
แต่ก็คงไม่หรอกเนอะ … เพราะเขาเกิด และ เติบโตในเมืองหนาว
แค่นี้ … พวกเขาคงทนได้ อิอิ

Nørrebrogade

เดินมาไม่นาน … เราก็ตัดสินใจที่จะขึ้นรถบัส 5C จากป้าย Ravsborggade (Nørrebrogade)
เพราะอากาศเย็นมาก และอีกไม่นานก็จะบ่ายโมงแล้ว
งั้น… เรานั่งรถบัสกันดีกว่า ฮ่าๆ

5C มาแล้วววววว…
เป็นรถบัสที่ยาวที่สุดในโคเปนฯ ที่ใช้บริการมาเลยมั้ง

รถบัสสายนี้ เราจะต้องกดปุ่มเปิดประตูเอง เพราะด้วยความที่รถบัสยาวมาก
น่าจะเหมือนกับรถบัสสองคันต่อกันค่ะ
คนขับรถมีน่าที่ขับ และดูกล้องว่าผู้โดยสารขึ้น หรือ ลงรถหมดหรือยัง
ฮ่าๆ

จากป้าย Ravnsborggade (Nørrebrogade) ไปลงป้าย Hulgårds Plads (Frederikssundsvej)
รวมทั้งหมด 9 ป้าย และใช้เวลาโดยรถบัสประมาณ 14 นาที
จากนั้นก็เดินไปที่ Borgerservice ประมาณ 5-7 นาที ก็ถือว่าไม่ไกลมากค่ะ

Thank you picture from Bci.dk

นี่คือ ห้องสมุดค่ะ (Rentemestervej Library) และ Borgerservice ก็อยู่ในตึกห้องสมุดเช่นกันค่ะ
เข้าไปทำธุระไม่นาน เราก็เดินเท้ากลับมาขึ้นรถ
ตอนแรกกะจะขั้น 5C กลับเข้ามาในเมือง …
แต่รถ 200S วิ่งมาพอดี
(รถบัสในเดนมาร์กที่มี S ตามหลัง … นั่นหมายความว่าเขาจะวิ่งเร็วมากๆ
จะจอดเฉพาะป้ายที่สำคัญเท่านั้น และเร็วมากจริงๆ)

โอเค … เราก็ขึ้นรถบัส และไปลงที่ Rådhuspladsen หรือ City hall เพื่อที่จะไปหาอาหารเที่ยงทานนั่นเองค่ะ

ภายในรถบัส 200S

ตอนนี้ก็ขึ้นมาบนรถบัส 200S แล้วนะคะ ซึ่งคันนี้เร็วสะใจมาก
สะใจที่โชเฟอร์ขับรถเร็วดี และ บัสเดินทางเร็วมากเพราะจอดแค่ไม่กี่ stop คือ ชอบมากๆ
ฟีลลิ่งเหมือนกับ Fast & Furious อะไรเงี้ย

ที่กั้น ระหว่างผู้โดยสารและคนขับนั้น เพิ่งจะมีขึ้นมาเมื่อช่วงโคโรน่าระบาดนี่เองค่ะ
ปกติแล้ว ผู้โดยสารจะต้องขึ้นรถที่ประตูหน้า ตรงคนขับเพื่อทำการเช็คอินบัตรเดินทาง
แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ประตูหน้าปิด และผู้โดยสารจะต้องเข้าออกที่ประตูกลาง และประตูหลังเท่านั้น
และกั้นระหว่างผู้เดินทางและผู้ขับค่ะ

นั่งรถไม่กี่น่าที เราก็มาจอดที่ป้าย Rådhuspladsen st. หรือป้าย City hall นั่นเองค่ะ
จากนั้นเราก็เดินข้ามถนนไปนิดหน่อย และเดินไปที่แถวๆ Rådhusplads

ถ่ายรูปสะใจละ … ตอนนี้ก็คือ หิวมากๆ เพราะข้าวเช้าก็ยังไม่ทาน ข้าวเที่ยงก็ยังไม่กิน
ซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 13:44 น. ซึ่งแน่นอนว่าหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัว

เราเลยเลือกที่จะซื้อ Burger king ทาน เพราะร้านก็อยู่แถวนี้พอดีเลย

เลือกซื้อจากเครื่องออเดอร์
รับใบเสร็จ และยืนรอเรียกตามเบอร์ค่ะ

WHOPPER Menu, Burger King

เย้ๆ ได้กินแล้ววววว…
ตอนนี้ก็มานั่งทานเบอร์เกอร์กลางแดด และอากาศเย็นๆ
มันก็อร่อยนะ แต่จะอร่อยกว่านี้ถ้าไม่ต้องนั่งกินกลางอากาศเย็น ฮ่าๆๆ

ทางเดินกลับบ้าน โอ้ววววว

หลังจากที่ทานเบอร์เกอร์เสร็จแล้ว
เราก็นั่งตากแดดสักพัก และด้วยอากาศที่เย็น
เราก็รู้สึกอยากจะพัก … แล้วก็เลือกที่จะเดินเท้า มุ่งหน้ากลับบ้านต่อ
ซึ่งรถยะเวลาในการเดินเท้ากลับบ้าน ก็คือ 30 นาทีนั่นเอง

เดินมาไม่ไกล … ขณะที่ยืนรอไฟแดงอยู่ ก็หันไปเห็นพิพิธภัณฑ์ New Carlsberg Museam

New Carlsberg Museum

เดินเท้าต่อเรื่อยๆ กับอากาศที่แสนเย็น และแสงแดดที่สาดส่อง…
ใกล้จะถึงบ้านแล้วสินะ

ร้านพิซซ่า Green Island of Copenhagen, เป็นร้านพิซซ่าที่ตั้งลอยอยู่กลางน้ำ
ในช่วงหน้าร้อน สถานที่นี่ก็จะถูกจัดเป็นที่จัดอีเว้นท์ มีเพลง มีดีเจ และอาหาร
ซึ่งเป็นสถานที่ ที่น่ามาลองอีกที่หนึ่งเลยค่ะ

จบทริปวันนี้ วันดีๆ อากาศแสนเย็น และแสงแดดที่สาดส่อง

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน Blog นะคะ

สามารถติดต่อพูดคุย และ ติดตามทันย่าได้ที่

ฟังเพลงลูกทุ่ง เพลงเก่าๆ ไปกับทันย่า

Featured

A walk tour in Copenhagen.

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ที่นี่อากาศดีนะ แดดออกแต่เช้าเลย ก็เลยถือโอกาสออกไปเดินเล่นชมเมือง ในช่วงอากาศที่หนาว แต่แดดออก… ก็เลยถือโอกาส อยากจะพาเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชมเมืองด้วยกันค่ะ ที่รวมระยะทางที่เดินแล้วก็เกือบๆ 9 กิโลเลยทีเดียว…

เริ่มแรกเลย ก่อนที่เราจะออกจากบ้าน เราก็จะชอบนั่งดื่มกาแฟ กับต้นไม้ของเรา ฟังดูตลก แต่เรารู้สึกว่า มันมีความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างที่ได้นั่งชมมันตรงนี้ ฮ่าๆ (ความจริงอุ่นเพราะฮีทเตอร์ แหะๆ)

Coffee time with my plant.

โอเค … เริ่มเดินกันเลย … เวลาเที่ยงวันที่แดดส่องจ้า เราก็เดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไป ( ไปที่ไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆ )

จุดแรกเลย… ที่ทันย่าอยากจะแนะนำเพื่อนๆ นะคะ

Langebro and Danish Architecture Centre

สะพานที่เพื่อนๆ เห็นอยู่นั้นเรียกว่า Langebro เป็น Bascule brigde หรือสะพานที่สามารถเปิดขึ้นเพื่อเป็นทางผ่านของเรือใหญ่นั่นเอง สะพานนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1949 และเสร็จสิ้นการก่อสร้างในปี 1954 โดยที่มี Kaj Gottlob เป็นผู้ออกแบบการก่อสร้างสะพานนี้ Langebro มีความยาวอยู่ที่ 250 เมตรค่ะ

และตึกทางขวามือนั้นคืออาคาร Dansk Arkitektur Center (Danish Architecture Centre) หรือ DAC เป็นตึกที่รวบรวมเรื่องของการออกแบบ และสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเดนมาร์ก และเป็นสถานที่สำหรับการประชุมด้วยค่ะ

อาคารนี้ คือ Det kongelige Bibliotek หรือ The Royal Library เป็นหอสมุดแห่งชาติ และ หอสมุดสำหรับมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเก้น (University of Copenhagen)

หอสมุดนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1648 หรือระยะเวลารวมแล้วก็ 300 กว่าปีแล้วค่ะ

จุดต่อมา คือจุดที่เราชอบที่สุด และเชื่อว่าทุก ๆ คนที่เดินผ่านสะพานนี้ก็จะชอบเหมือนกันกับเรา… เพราะตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่เราอาศัยอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก … เราไม่เคยเดินบนสะพานนี้เลยค่ะ “สะพานวงกลม หรือ CIRCLE BRIDGE”

Circle Bridge หรือ Cirkelbroen เป็นสะพานที่ออกแบบเป็นรูปวงกลม ที่เป็นทางเดินเท้าเท่านั้น
เป็นสะพานที่สร้างขึ้น เพื่อทอดผ่านระหว่างคลอง Christianhavn (Christianshavn Canal) นั่นเองค่ะ

สะพานนี้เปิดให้ใช้บริการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2015 ซึ่งสะพานออกแบบโดย Olafur Eliasson
ซึ่งก็ถือว่าเป็นสะพานใหม่ที่เกิดขึ้นมาในตัวเมืองโคเปนเฮเก้นเลยก็ว่าได้

Credit: VisitCopenhagen

พอลงผ่านสะพานมา เราก็เดินเลี้ยวขวาผ่านหน้าร้านอาหาร No.2 restaurant เดินมาไม่ไกล… เราก็เห็นยอดของโบสถ์ Christians Kirke (Christian’s Church) คือ ด้วยอากาศที่มีแสงแดดกำลังดี ทำให้โบสถ์ดูสวยไปเลยจริงๆค่ะ

จุดต่อมาเรียกได้มาเป็นจุดไฮไลท์ของการเดินเล่นในรอบนี้เลยก็ว่าได้ และเป็นจุดที่คิดว่าหลายๆ คนคงมีโอกาสมาเดินเล่น นั่งเล่น หรือนั่งเรือผ่านแล้วก็ได้…  Christianshavn นั่นเองค่ะ

เป็นจุดที่อยู่ติดแม่น้ำ อาคารมีความสวยงามแตกต่างกันไป ด้วยความที่หลากหลายสี …
เราเลยถือโอกาสจอดถ่ายรูปก่อนมุ่งหน้า ไปในจุดต่อไป

Christianshavn เป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายๆ คนชอบมานั่งเล่น หรือ มาถ่ายรูป เพราะด้วยบรรยากาศที่น่านั่งแล้ว สภาพแวดล้อมโดยรอบก็สวยด้วย … เพราะที่นี่เป็นอีกจุดๆ หนึ่งที่ทุกคนจะเห็นเรือเล็กและใหญ่จอดอยู่รายรอบคลองค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาชมรูปบรรยากาศการเดินเล่นในแถบ Christianshavn, Copenhagen, Denmark. นะคะ ถ้ามีโอกาสจะแชร์บรรยากาศจุดอื่นให้ทุกๆ คนได้เห็นไปด้วยกันค่ะ

BARNEDÅBE | Dragør | 21 AUG ‘22

สักพักแล้วที่ไม่ได้อัพเดทอะไรในเพจนี้เลย
เพราะหมดแรงจูงใจ ตั้งแต่กล้อง GoPro หายไป

•••••

นี่คือครั้งแรกของทันที่ได้ไปร่วมงานให้ชื่อกับเด็กทารก
อยู่เดนมาร์กมาเข้าปีที่ 7
นี่คือครั้งแรกจริง ๆ

10 ปีแล้ว

ผ่านไป 10 ปี เวลาช่างเดินไวนัก [ 16.12.2011 ]

วันนั้น… เรายังเรียนที่วิทยาลัยอาชีวะฯ ภูเก็ต

ขณะที่ขับรถมอเตอร์ไซต์กลับบ้าน ก็ใกล้จะผ่าน “โรงเรียนบ้านสะปำ “มงคลวิทยา” โรงเรียนที่เราจบ ม.ต้นมา …

เรานึกถึงคุณครูที่น่ากลัวที่สุด แต่เรากลับรักและสนิทที่สุด

คุณครูลัดดาวัลย์

คุณครูฝ่ายปกครองที่คอยถือไม้หวาย ที่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต่างก็กลัว ไม่กลเราเข้าใกล้

คุณครูสอนภาษาไทย ที่ทำให้เราชอบเรียนภาษาไทย

ผ่านมาแล้วสิบปี ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้

คุณครูสบายดีไหมหนา?

วันแห่งการบอกลา “โครเอเชีย” 🇭🇷

ล่องเรือข้ามทะเล Adriatic
จากประเทศโครเอเชีย🇭🇷
สู่ประเทศอิตาลี🇮🇹

29-07-2021 วันแห่งการบอกลา “โครเอเชีย”

หลังจากที่ล่องเรือที่โครเอเชีย
รวม ๆ แล้วก็เกือบห้าเดือน
เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นแม่แมวหอบลูกมาอยู่ด้วยบนเรือ
พายุลมแรง พัดหางเรือฟาดกับหิน
และได้รู้จักกับเพื่อนนักเดินเรือเหมือนกัน
หรือแม้แต่คนพื้นที่ด้วย

พวกเราออกเดินเรือกันทั้งวัน
ตั้งแต่เวลา 07:00 น. โดยประมาณ
จากเกาะ Korčula
มุ่งหน้าสู่เกาะ Uble, Lastovo
เพื่อทำการ Check out จากประเทศโครเอเชีย
และใช้เวลาในการเดินเรือ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ

เวลาเกือบเที่ยงเราก็มาถึงเมือง Uble, Lastovo
จุดที่เราจะต้องทำการเช็คเอาท์กับ border control หรือด่านตรวจนั่นเอง

การเช็คเอาท์ผ่านไปได้ด้วยดี

มีเหตุการณ์ที่แอบลุ้นพอตัว
เพราะเรือ Sunny🇩🇰 ส่งข้อความมาบอกว่า
นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถอยู่ที่นี่ได้ 90 วัน
แต่เราดันอยู่นานมากกว่า 3 เดือนอ่ะสิ
กลัวจะมีปัญหาเรื้องมการเช็คเอาท์มาก
แต่สุดท้าย ก็ผ่านฉลุย!

เอกสารในการเช็คเอาท์เรือออกจากโครเอเชีย
เราต้องใช้รายชื่อของลูกเรือทุกคน หนังสือเดินทาง
เอกสารการเสียภาษีล่องเรือในประเทศโครเอเชีย
และเอกสารใบเซอร์ของเรือ

หลังจากทำการเช็คเอาท์เรือเรียบร้อยแล้ว
ตำรวจให้เวลา 15 – 30 นาที
ถ้าอยากเติมน้ำมัน หรือ ซื้อของ
แล้วก็ต้องล่องเรือออกน่านน้ำโครเอเชียทันที
ห้ามจอดตามเกาะ หรือระหว่างทางโดยเด็ดขาด
ไม่อย่างนั้น เราจะต้องจ่ายค่าปรับอันแสนแพงเลยก็ว่าได้

13:30 น. มุ่งหน้าสู่เมือง Manfredonia ประเทศอิตาลี 🇮🇹
จุดแรกที่เราจะทำการเช็คอินบาทาล่าเข้าประเทศ

การเดินเรือเป็นไปได้สวย
พวกเราเดินเรือด้วยเครื่องยนตร์แทบจะตลอดทาง
เพราะคลื่น และลมไม่มีให้เราได้กางใบเรือเลย
แถมมีหมอกปกคลุมไปทั่ว ทำให้อากาศอบอ้าว
มีหมอกลง และทำให้ตัวเหนียวเหนอะหนะ

ก่อนเข้าเขตน่านน้ำของประเทศอิตาลี 🇮🇹
พวกเราจอดกระโดดน้ำกลางทะเล
ด้วยน้ำที่สีฟ้าใส
และความลึกอยู่ที่ 136 เมตร
ก็อยากจะลองกระโดดน้ำกลางมหาสมุทรดู ฮ่า ๆ

ตอนที่กระโดดก็แอบกลัวนะ
กลัวปลาฉลามมางับอยู่นะเห้ยยยย 😅

กลัวก็กลัว
ร้อนก็ร้อน
น้ำก็ใส

เอาวะ!

1,2,3 ตู้มมมมมมม

เป็นอีกวันกลางทะเลที่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก
สวยแบบไม่มีสิ่งไหนมารบกวนความสวยของมันได้

การเดินทางสู่ประเทศอิตาลี
เราเดินเรือกันแค่ 3 คน
กัปตันไทส์ (Theis) เลกเกอร์ (Lærke) และเรา

การล่องเรือข้ามคืน เราต้องมีการแบ่งกะการเดินเรือ
ซึ่งเราเข้ากะ 22:00 – 02:00
เลกเกอร์ 02:00 – 06:00
และกัปตันไทส์ 06:00 – 10:00

ดวงจันทร์กลางทะเล เวลาเกือบเที่ยงคืน

การเดินเรือข้ามวันข้ามคืน
กะที่ทรหดที่สุดก็คือกะกลางคืน
ซึ่งจริง ๆ แล้วกัปตันจะรับกะนี้ซะส่วนมาก

แต่เลกเกอร์อยากรู้ อยากลอง เลยขอรับกะดึก
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ประมาณ 05:00 น.
นางก็ไม่ไหว กัปตันเลยต้องรับหน้าที่แทน
กะ 02:00-06:00 เป็นกะที่เหนื่อยที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นความมืด
มองไม่เห็นอะไรเลย
แต่ต้องคอยสอดส่อง
ดูว่าเรือเราล่องเข้าไปหาเรือลำอื่นไหม
หรือมีเรือล่องเข้ามาหาเราไหม

เวลา 7 โมงเช้าโดยประมาณ
กัปตันไทส์ลงมาปลุกว่าเราจะเข้าเทียบท่าแล้ว

พอเราใกล้จะเทียบท่า หรืออยู่ทางเข้าของมารีน่า
เราก็ติดต่อท่าเรือที่ช่องทาง VHF 74

“Harbour Master, Harbour Master, Harbour Master
This is Batala “

เรียกเจ้าหน้าที่ท่าเรือ 3 รอบ
และบอกชื่อเรือของเรา

“We enter to the marina from Croatia,
We would like to check into Italy.”
เรามาถึงทางเข้าท่าเรือแล้ว
และเราต้องการที่จะทำการเช็คอินเข้าสู่อิตาลี

หลังจากสื่อสารได้ไม่นาน
ก็มีเจ้าหน้าที่ท่าเรือ ปั่นจักรยานมาที่ทางเข้าท่าเรือ
พร้อมกับโบกไม้ โบกมือเป็นการต้อนรับ
เราก็โบกมือกลับ เป็นสัญญาณว่า เราเห็นแล้ว �
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นั่งเรือยางมารับเรือของพวกเราด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
และนำหน้าไปที่ ๆ จุดจอดเรือของท่าเรือ …

(ในความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถที่จะใช้เครื่อง VHF ได้
เนื่องจากเราไม่มีใบอนุญาติ แต่เป็นคำสั่งของกัปตัน
อ่ะ … เราก็ทำตาม ฮ่าๆ)

เทียบท่าด้วยดี พร้อมกับสายตาโดยรอบที่มองพวกเรา
ด้วยธงบอกสัญชาติประเทศเดนมาร์กที่ใหญ่กว่าเรือลำอื่น
บวกกับธงไทยไตรรงค์ที่บ่งบอกสัญชาติของลูกเรือ
ที่หลายคนอาจจะรู้ว่าคือธงของประเทศไทย
แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่คือธงของประเทศอะไร…

08:00 น. โดยประมาณ
เราก็ทำการจอดเรือที่ท่าเรือเรียบร้อย

เจ้าหน้าที่ท่าเรือก็ขอเอกสารที่จะทำการเช็คอิน
นั่นก็คือ รายชื่อลูกเรือ (ที่มีตราประทับเช็คเอาท์จากเจ้าท่าของประเทศโครเอเชีย)
หนังสือเดินทาง และเอกสารใบเซอร์ของเรือ

และบอกว่า ตำรวจมาทำงาน 09:00 น.
พวกเราค่อยขึ้นไปที่ออฟฟิศเพื่อทำการเช็คอินแล้วกัน

เราก็โอเค
ในขณะที่รอ เราก็จะไม่ให้เป็นการเสียเวลา
พวกเรารีบต่อสายยางกับแท่นน้ำแบบไม่รอช้า
และทำการล้างเกลือจากเรือ
พร้อมกับทำการซักผ้า อาบน้ำ

09:00 น. ตำรวจท่าเรือยังไม่มา
อ่ะ … อาบน้ำรอบสองค่ะ เพราะร้อนมาก

เอาไป เอามา ได้เช็คอินจริง ๆ ตอน 10:00 น.
และเราสามารถจอดเรือที่ท่าเรือได้ถึง 13:00 น.
และไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย

ได้โอกาสแล้ว
พวกเราก็เลยเดินเข้าไปที่ตัวเมือง Manfredonia
เพื่อหาดื่มกาแฟ และซื้อของ

บรรยากาศที่อิตาลี แตกต่างไปจากโครเอเชียมาก
ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่ 200 กว่ากิโลเอง

ผู้คนที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้
ทำให้การสื่อสารของพวกเราก็คือ

“ภาษามือ และ ท่าทาง”

ผู้คนที่นี่น่ารัก อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มตลอด
ถ้าให้เปรียบกับประเทศโครเอเชียคือแตกต่างกันมาก
คนที่ประเทศโครเอเชีย น้อยมากที่จะยิ้มแย้ม
หรือต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม

แต่ที่นี่ …
เดินไปทางไหนทุกคนก็ยิ้มให้ คุยดี น่ารักแทบจะทุกคนจริง ๆ

เราหยุดเข้าไปหากาแฟดื่ม
โดยที่เดินเข้าร้านไปนั่งตากแอร์เย็นๆ

น่าจะเป็นธุรกิจครอบครัว
เด็กหนุ่มชาวอิตาลี มารับออเดอร์
โดยที่เราสื่อสารกันแบบคำต่อคำ
และภาษามือ

“Coffee” กาแฟ
“Milk” นม
“Three Crossant … All” ครัวซองน์ เอาทุกอย่าง มี 3 รส

“Water?” ลุงถามว่า เอาน้ำไหม? มีธรรมดากับแก๊ส
“ 1 water 2 water with chuuuuuuuu…”
เอาน้ำธรรมดาหนึ่งแก้ว และอีกสองแก้วเป็นน้ำโซดา … ซ่าไง ออกเสียงซู่!!!!! ฮ่าๆ

จบไปได้สวย กับการสั่งของกินมื้อแรกของพวกเรา

จากนั้นพวกเราก็เดินกลับเรือ
แต่ในระหว่างทาง พวกเราเจอกับตลาดนัด
บรรยากาศทำให้หวนคิดถึงเมืองไทยเลย
ตลาดนัด ตลาดสด คือ เหมือนกันมากจริง ๆ

และนี่ก็คือ ประสบการณ์ล่องเรืออันยาวนาน
และอีก 5 ชั่วโมงที่เมือง Manfredonia

13:00 น. Goodbye Manfredonia
ออกเดินเรือมุ่งหน้าสู่ทางใต้กันต่อเลยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจน (เกือบ) จบ


สวัสดี

~ทันทัน~

CovidPassport | Coronapas | โควิดพาสปอร์ต

“…เราถอดใจในเรื่องการขอโควิดพาสปอร์ตซะแล้ว…”

.
หลายคนอาจจะได้อ่านโพสต์ หรือดู Vlog
ที่เราไปฉีดวัคซีนโควิด Pfizer

📌 ดูคลิปย้อนหลัง : https://youtu.be/RfkCp2DtcHA
📌 อ่านโพสต์ : https://www.facebook.com/102523431799389/posts/185250670193331/

.
เข้าเรื่องกันเลยค่ะ …
ด้วยความที่เราเป็นนักท่องเที่ยว
ที่มาล่องเรือที่ประเทศโครเอเชีย

อยู่โครเอเชียมาร่วมสี่เดือนนิดๆ
และในไม่กี่วันนี้ เราจะต้องออกล่องเรือไปต่อที่ประเทศอื่น
และไม่อยากจะคอยตรวจ PCR Test หรือ Antigen
แถมได้ฉีดไฟเซอร์ และไม่เสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย

เราฉีดเข็มแรกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน
และเข็มที่สองเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม

.
เล่าย้อนไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว …

มาญ่า (ลูกเรือคนก่อน)
บอกว่า … เมื่อเราได้รับวัคซีนที่ต่างประเทศ
เราสามารถที่จะโทรหาหมอของเรา
เพื่อให้เขาอนุมัติโควิดพาสปอร์ตให้

และนางก็พยายามติดต่อหมอ
แต่ปรากฎว่า …
ต้องไปหาหมอด้วยตัวเอง
และโชว์บัตรวัคซีนให้กับหมอ
เขาถึงจะออกโควิดพาสปอร์ตให้ได้

มันเลยทำให้เรา ถอดใจในเรื่องการขอโควิดพาสปอร์ต

.
ในวันนี้ …
เป็นวันที่นับถอยหลังเข้าสู่การล่องเรือออกจากประเทศโครเอเชีย
และด้วยสถานการณ์โควิดที่ยังไม่คงที่
หลายๆ ประเทศยังมีการปิดประเทศ
และเข้มงวดมากในเรื่องของการตรวจหาเชื้อก่อนเข้าประเทศ

เอาว๊ะ!
ลองดูอีกรอบ
ถ้าได้ก็ถือว่าโชคดี

เราเลยตัดสินใจ
ที่จะลองทำเรื่องขอโควิดพาสปอร์ตด้วยตัวเองอีกรอบ
ด้วยการติดต่อหมอส่วนตัวที่ประเทศเดนมาร์ก

.
ขั้นตอนแรกเลย เราเข้าเว็บสุขภาพของเดนมาร์ก
sundhed.dk และลงทะเบียนวัคซีน

กรอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน
จากใบสีม่วงที่เราได้รับจากการฉีดวัคซีน

ที่ทันกรอกไปก็มี

  • วันที่รับวัคซีน
  • ชื่อยี่ห้อวัคซีน
  • ประเทศที่รับวัคซีน
  • หมายเลข Batch ของวัคซีน

หลังจากนั้น ก็โทรติดต่อไปที่หมอส่วนตัวของเราเอง
หลังจากที่คุยกับเลขาฯ ของหมอไม่นาน
เขาก็จะเช็คในระบบของวัคซีน
รหัสเลขของวัคซีนว่าตรงกับชื่อเราไหม

จากนั้น เขาก็กด “อนุมัติ”

เย้!!!!!

เราได้โควิดพาสปอร์ตแล้ว
คือง่ายดายกว่าที่คิดไว้

.
การโชว์ COVID PASSPORT
สามารถโชว์ได้ทั้งทาง APP “Sundhed”
และทาง APP Coronapas ค่ะ

จบละ …
รีวิวสั้น ๆ กับการเดินเรื่องขอโควิดพาสปอร์ต
ขอบคุณที่เลื่อนมาจนจบค่ะ 😅

สวัสดี

ทำไมเรือทุกลำจะต้องมี “ธง” ?

📌เรื่องของธง … ทำไมเรือทุกลำจะต้องมี “ธง” ?

📌มีคนตั้งคำถามมา ว่าทำไมไม่แขวนธงไทยไตรรงค์ที่เรือ? 🇹🇭
ทำไมถึงเป็นธงประเทศเดนมาร์ก? 🇩🇰

@sailingbatala

📌วันนี้ทันทัน จะเขียนเรื่องธงให้อ่านกันค่ะ

📌เรื่องของธง กับบทบาทของธงบนแต่ละส่วนของเรือ

ถ้าให้พูดถึงเรื่องของธง
หลายคนอาจจะไม่เคยสังเกตุ
หรือไม่ ก็อาจจะไม่เคยทราบมาก่อน
ว่าความหมายของธงบนเรือคืออะไร

📌ขอเล่าย้อนไปก่อนเลยค่ะว่า …

เราเคยเอาธงไทยไตรรงค์ขึ้นยอดเสาเรือแล้ว
( ถ้าหากใครที่ติดตาม Instagram ของเราค่ะ
หรือถ้าใครอยากจะติดตามก็กดไปที่ @djtanya_t นะเจ้าคะ อิอิ!)

แต่มีจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราต้องถอดธงไทยออก

เมื่อตอนที่เราไปจอดเรือที่เกาะแมว (Milna, Brač island)
เราได้รู้จักกับ “คริสเตียน” ชาวเยอรมนี เจ้าของเรือ Second life, Hamburg🇩🇪
ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นเรือ INYATHI ของไมค์ ชาวแอฟริกาใต้ 🇿🇦 และอิน่า ชาวเยอรมนี🇩🇪

เขาเห็นธงไทยไตรรงค์เราขึ้นบนเสา
ซึ่งธงไทยของเรา ใหญ่กว่าธงเจ้าถิ่นมาก (โครเอเชีย🇭🇷)
เขาเลยเล่าประสบการณ์เรื่องของธงให้เราฟัง

นั่นก็คือ …

ในการล่องเรือในประเทศโครเอเชีย
ถ้าธงบอกสัญชาติเรือ หรือธงสัญชาติของลูกเรือใหญ่กว่าธงของเจ้าถิ่นโครเอเชีย

คนพื้นที่จะถือว่า “เราไม่ให้ความเคารพกับเจ้าถิ่น” นั่นเอง
และอาจจะนำพาซึ่งปัญหา และการถูกเอาเปรียบในหลายๆ ด้านในการล่องเรือที่ประเทศโครเอเชีย

และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจ
ถอดธงไทยไตรรงค์ออกจากเสาของเรือนั่นเอง

📌ในวันนี้…

หลังจากที่ประเทศโครเอเชียได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ

เราก็ได้พบเจอกับเรือหลายลำ
ตั้งแต่เรือเล็กๆ จนเรือลำมหึมา
ที่มีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวบนดาดฟ้า
ที่มีธงท้ายเรือที่ใหญ่มาก
ใหญ่กว่าธงเจ้าถิ่นหลายเท่า

พวกเราจึงตัดสินใจเอาธงบอกสัญชาติของลูกเรือขึ้นเสาเรืออีกครั้ง
และมันก็ทำให้เรือของเราดูสวยงามมากขึ้นเยอะเลย
และยิ่งพอเห็นธงไทยขึ้นเสา

ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกภูมิใจว่า…
เราเป็นหนึ่งในคนไทยที่ได้มีโอกาสล่องเรือในแถบน่านน้ำของยุโรปกับเรือในครั้งนี้

📌มาเข้าถึงเรื่องราวของความหมายของธงในแต่ละส่วนบนเรือกันค่ะ

  • ในส่วนนี้ เป็นส่วนสำคัญของเรือเลยก็ว่าได้ค่ะ
    เพราะธงที่ท้ายเรือ เป็นธงที่บ่งบอกว่าเรือลำนั้นสัญชาติอะไร หรือเรือมาจากประเทศไหน และ BATALA ของเราก็เป็นธงประเทศเดนมาร์กนั่นเองค่ะ

[ ผลพลอยได้มาจากฟุตบอลยูโร
ไม่ว่าจะไปจอดเรือที่ไหน
ก็ทำให้เรือหลายลำตะโกนทักทายอย่างเป็นมิตร. 💙 ]ในส่วนนี้ และส่วนต่อไป เป็นส่วนที่เอาธงขึ้นตรงเสากลางเรือ (Mast) และธงก็จะมีขนาดเล็กลงมาจากธงบอกสัญชาติเรือ ซึ่งธงที่ฝั่ง board หรือทางซ้ายมือของเรือ เป็นส่วนที่เอาธงสัญชาติของลูกเรือขึ้นค่ะ
และวันนี้เรือ BATALA ก็ขึ้นธงเดนมาร์ก 🇩🇰 และธงไทยไตรรงค์ค่ะ 🇹🇭

  • ในส่วนนี้ เป็นส่วนสุดท้ายของเรือที่เราจะเอาธงขึ้น นั่นก็คือส่วนของ Star board หรือ ส่วนทางขวามือของเรือ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นฝั่งกัปตันเรือนั่นเอง และในส่วนนี้ เป็นส่วนที่เราจะเอาธงของประเทศที่เราไปล่องเรือขึ้นค่ะ อย่างเช่นตอนนี้ล่องเรืออยู่ที่ประเทศโครเอเชีย เราก็เอาธงของโครเอเชียขึ้นนั่นเอง

📌และนี้ก็เป็นเรื่องราวของความสำคัญของธงในแต่ละส่วนของเรือค่ะ
การขึ้นธงของเรือไม่ได้บ่งบอกแค่ความสวยงาม
แต่บ่งบอกถึงความสำคัญของตัวธงด้วยค่ะ

📌ป.ล. เรือทุกลำที่เป็น long term sailors หรือ นักเดินเรือแบบประจำ จะซื้อธงของทุกประเทศที่จะเดินทางเข้าน่านน้ำติดเรือไว้ค่ะ

~ • ~
สวัสดี 🙏🏽
ทันทัน