ล่องเรือข้ามทะเล Adriatic
จากประเทศโครเอเชีย🇭🇷
สู่ประเทศอิตาลี🇮🇹
•
29-07-2021 วันแห่งการบอกลา “โครเอเชีย”
หลังจากที่ล่องเรือที่โครเอเชีย
รวม ๆ แล้วก็เกือบห้าเดือน
เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นแม่แมวหอบลูกมาอยู่ด้วยบนเรือ
พายุลมแรง พัดหางเรือฟาดกับหิน
และได้รู้จักกับเพื่อนนักเดินเรือเหมือนกัน
หรือแม้แต่คนพื้นที่ด้วย
•
พวกเราออกเดินเรือกันทั้งวัน
ตั้งแต่เวลา 07:00 น. โดยประมาณ
จากเกาะ Korčula
มุ่งหน้าสู่เกาะ Uble, Lastovo
เพื่อทำการ Check out จากประเทศโครเอเชีย
และใช้เวลาในการเดินเรือ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ

•
เวลาเกือบเที่ยงเราก็มาถึงเมือง Uble, Lastovo
จุดที่เราจะต้องทำการเช็คเอาท์กับ border control หรือด่านตรวจนั่นเอง


•
การเช็คเอาท์ผ่านไปได้ด้วยดี
มีเหตุการณ์ที่แอบลุ้นพอตัว
เพราะเรือ Sunny🇩🇰 ส่งข้อความมาบอกว่า
นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถอยู่ที่นี่ได้ 90 วัน
แต่เราดันอยู่นานมากกว่า 3 เดือนอ่ะสิ
กลัวจะมีปัญหาเรื้องมการเช็คเอาท์มาก
แต่สุดท้าย ก็ผ่านฉลุย!
เอกสารในการเช็คเอาท์เรือออกจากโครเอเชีย
เราต้องใช้รายชื่อของลูกเรือทุกคน หนังสือเดินทาง
เอกสารการเสียภาษีล่องเรือในประเทศโครเอเชีย
และเอกสารใบเซอร์ของเรือ
หลังจากทำการเช็คเอาท์เรือเรียบร้อยแล้ว
ตำรวจให้เวลา 15 – 30 นาที
ถ้าอยากเติมน้ำมัน หรือ ซื้อของ
แล้วก็ต้องล่องเรือออกน่านน้ำโครเอเชียทันที
ห้ามจอดตามเกาะ หรือระหว่างทางโดยเด็ดขาด
ไม่อย่างนั้น เราจะต้องจ่ายค่าปรับอันแสนแพงเลยก็ว่าได้
•
13:30 น. มุ่งหน้าสู่เมือง Manfredonia ประเทศอิตาลี 🇮🇹
จุดแรกที่เราจะทำการเช็คอินบาทาล่าเข้าประเทศ
•
การเดินเรือเป็นไปได้สวย
พวกเราเดินเรือด้วยเครื่องยนตร์แทบจะตลอดทาง
เพราะคลื่น และลมไม่มีให้เราได้กางใบเรือเลย
แถมมีหมอกปกคลุมไปทั่ว ทำให้อากาศอบอ้าว
มีหมอกลง และทำให้ตัวเหนียวเหนอะหนะ
ก่อนเข้าเขตน่านน้ำของประเทศอิตาลี 🇮🇹
พวกเราจอดกระโดดน้ำกลางทะเล
ด้วยน้ำที่สีฟ้าใส
และความลึกอยู่ที่ 136 เมตร
ก็อยากจะลองกระโดดน้ำกลางมหาสมุทรดู ฮ่า ๆ

ตอนที่กระโดดก็แอบกลัวนะ
กลัวปลาฉลามมางับอยู่นะเห้ยยยย 😅
กลัวก็กลัว
ร้อนก็ร้อน
น้ำก็ใส
เอาวะ!
1,2,3 ตู้มมมมมมม
•
เป็นอีกวันกลางทะเลที่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก
สวยแบบไม่มีสิ่งไหนมารบกวนความสวยของมันได้








•
การเดินทางสู่ประเทศอิตาลี
เราเดินเรือกันแค่ 3 คน
กัปตันไทส์ (Theis) เลกเกอร์ (Lærke) และเรา
การล่องเรือข้ามคืน เราต้องมีการแบ่งกะการเดินเรือ
ซึ่งเราเข้ากะ 22:00 – 02:00
เลกเกอร์ 02:00 – 06:00
และกัปตันไทส์ 06:00 – 10:00

การเดินเรือข้ามวันข้ามคืน
กะที่ทรหดที่สุดก็คือกะกลางคืน
ซึ่งจริง ๆ แล้วกัปตันจะรับกะนี้ซะส่วนมาก
แต่เลกเกอร์อยากรู้ อยากลอง เลยขอรับกะดึก
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ประมาณ 05:00 น.
นางก็ไม่ไหว กัปตันเลยต้องรับหน้าที่แทน
กะ 02:00-06:00 เป็นกะที่เหนื่อยที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นความมืด
มองไม่เห็นอะไรเลย
แต่ต้องคอยสอดส่อง
ดูว่าเรือเราล่องเข้าไปหาเรือลำอื่นไหม
หรือมีเรือล่องเข้ามาหาเราไหม
•
เวลา 7 โมงเช้าโดยประมาณ
กัปตันไทส์ลงมาปลุกว่าเราจะเข้าเทียบท่าแล้ว

พอเราใกล้จะเทียบท่า หรืออยู่ทางเข้าของมารีน่า
เราก็ติดต่อท่าเรือที่ช่องทาง VHF 74
“Harbour Master, Harbour Master, Harbour Master
This is Batala “
เรียกเจ้าหน้าที่ท่าเรือ 3 รอบ
และบอกชื่อเรือของเรา
“We enter to the marina from Croatia,
We would like to check into Italy.”
เรามาถึงทางเข้าท่าเรือแล้ว
และเราต้องการที่จะทำการเช็คอินเข้าสู่อิตาลี
หลังจากสื่อสารได้ไม่นาน
ก็มีเจ้าหน้าที่ท่าเรือ ปั่นจักรยานมาที่ทางเข้าท่าเรือ
พร้อมกับโบกไม้ โบกมือเป็นการต้อนรับ
เราก็โบกมือกลับ เป็นสัญญาณว่า เราเห็นแล้ว �
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นั่งเรือยางมารับเรือของพวกเราด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
และนำหน้าไปที่ ๆ จุดจอดเรือของท่าเรือ …
(ในความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถที่จะใช้เครื่อง VHF ได้
เนื่องจากเราไม่มีใบอนุญาติ แต่เป็นคำสั่งของกัปตัน
อ่ะ … เราก็ทำตาม ฮ่าๆ)
•
เทียบท่าด้วยดี พร้อมกับสายตาโดยรอบที่มองพวกเรา
ด้วยธงบอกสัญชาติประเทศเดนมาร์กที่ใหญ่กว่าเรือลำอื่น
บวกกับธงไทยไตรรงค์ที่บ่งบอกสัญชาติของลูกเรือ
ที่หลายคนอาจจะรู้ว่าคือธงของประเทศไทย
แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่คือธงของประเทศอะไร…
•
08:00 น. โดยประมาณ
เราก็ทำการจอดเรือที่ท่าเรือเรียบร้อย
เจ้าหน้าที่ท่าเรือก็ขอเอกสารที่จะทำการเช็คอิน
นั่นก็คือ รายชื่อลูกเรือ (ที่มีตราประทับเช็คเอาท์จากเจ้าท่าของประเทศโครเอเชีย)
หนังสือเดินทาง และเอกสารใบเซอร์ของเรือ
และบอกว่า ตำรวจมาทำงาน 09:00 น.
พวกเราค่อยขึ้นไปที่ออฟฟิศเพื่อทำการเช็คอินแล้วกัน
เราก็โอเค
ในขณะที่รอ เราก็จะไม่ให้เป็นการเสียเวลา
พวกเรารีบต่อสายยางกับแท่นน้ำแบบไม่รอช้า
และทำการล้างเกลือจากเรือ
พร้อมกับทำการซักผ้า อาบน้ำ


•
09:00 น. ตำรวจท่าเรือยังไม่มา
อ่ะ … อาบน้ำรอบสองค่ะ เพราะร้อนมาก
เอาไป เอามา ได้เช็คอินจริง ๆ ตอน 10:00 น.
และเราสามารถจอดเรือที่ท่าเรือได้ถึง 13:00 น.
และไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย
ได้โอกาสแล้ว
พวกเราก็เลยเดินเข้าไปที่ตัวเมือง Manfredonia
เพื่อหาดื่มกาแฟ และซื้อของ


•
บรรยากาศที่อิตาลี แตกต่างไปจากโครเอเชียมาก
ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่ 200 กว่ากิโลเอง
ผู้คนที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้
ทำให้การสื่อสารของพวกเราก็คือ
“ภาษามือ และ ท่าทาง”
ผู้คนที่นี่น่ารัก อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มตลอด
ถ้าให้เปรียบกับประเทศโครเอเชียคือแตกต่างกันมาก
คนที่ประเทศโครเอเชีย น้อยมากที่จะยิ้มแย้ม
หรือต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม
แต่ที่นี่ …
เดินไปทางไหนทุกคนก็ยิ้มให้ คุยดี น่ารักแทบจะทุกคนจริง ๆ
•
เราหยุดเข้าไปหากาแฟดื่ม
โดยที่เดินเข้าร้านไปนั่งตากแอร์เย็นๆ



น่าจะเป็นธุรกิจครอบครัว
เด็กหนุ่มชาวอิตาลี มารับออเดอร์
โดยที่เราสื่อสารกันแบบคำต่อคำ
และภาษามือ
“Coffee” กาแฟ
“Milk” นม
“Three Crossant … All” ครัวซองน์ เอาทุกอย่าง มี 3 รส
“Water?” ลุงถามว่า เอาน้ำไหม? มีธรรมดากับแก๊ส
“ 1 water 2 water with chuuuuuuuu…”
เอาน้ำธรรมดาหนึ่งแก้ว และอีกสองแก้วเป็นน้ำโซดา … ซ่าไง ออกเสียงซู่!!!!! ฮ่าๆ
จบไปได้สวย กับการสั่งของกินมื้อแรกของพวกเรา
•
จากนั้นพวกเราก็เดินกลับเรือ
แต่ในระหว่างทาง พวกเราเจอกับตลาดนัด
บรรยากาศทำให้หวนคิดถึงเมืองไทยเลย
ตลาดนัด ตลาดสด คือ เหมือนกันมากจริง ๆ









และนี่ก็คือ ประสบการณ์ล่องเรืออันยาวนาน
และอีก 5 ชั่วโมงที่เมือง Manfredonia
•
13:00 น. Goodbye Manfredonia
ออกเดินเรือมุ่งหน้าสู่ทางใต้กันต่อเลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจน (เกือบ) จบ
สวัสดี
~ทันทัน~